สินค้า " โรงเรียน "
สคูลช็อป... เกิดมาเพื่อโรงเรียนจริง ๆ

ยิ่งอ่าน...ยิ่งเก่ง








โดยเฉลี่ยคนเราควรอ่านหนังสือ
อย่างน้อยวันละ 8 บรรทัด
ทำไมต้องอ่านหนังสือ?
การอ่านหนังสือทุกวัน ทำให้เราชอนในการอ่านและการจดบันทึก ทำให้เราได้ฝึกสมองและเปิดโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้พัฒนาตัวเองในด้านต่างๆสร้าเสริมจิตนาการและความคิดสร้างสรรค์ได้
ความหมายของการอ่าน คืออะไร
การอ่าน คือ กระบวนการที่ผู้อ่านรับรู้สาร ซึ่งเป็นความรู้ ความคิด ความรู้สึกและความคิดเห็นที่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร
การอ่านหนังสือและการจดบันทึกการอ่านมีความสำคัญอย่างไร
การอ่านทำให้เรารู้ข่าวสารข้อมูลต่างๆ ทั่วโลก ทำให้ผู้อ่านมีความสุข ช่วยพัฒนาตนเอง พัฒนาการศึกษา อาชีพ แลคุณภาพชีวิต ทำให้เป็นคนทันสมัย ทันเหตุการณ์
การอ่านหนังสือ และการจดบันทึกการอ่านมีประโยชน์อย่างไร
1.เป็นการตอบสนองความต้องการของมนุษย์
2.ทำให้มนุษย์เกิดความรู้ ทักษะต่างๆ
3.ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ความเพลิดเพลิน
4.เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
5.ทำให้ทันต่อเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ
เราควรรู้จัก"คุณสมบัติของผู้อ่านที่ดี"
1.มีนิสัยรักการอ่าน มีเจตคติที่ดีต่อการอ่าน
2.มีความสามารถในการเลือกหนังสือที่ดีอ่าน
3.มีนิสัยใฝ่หาความรู้ ความคิดและประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ
4.มีนิสัยชอบจดบันทึกเรื่องราวต่างๆที่พบในการอ่านและเห็นว่ามีคุณค่า
5.มีนิสัยหมั่นทบทวน ติดตาม ค้นคว้าเพิ่มเติม
โครงการ"รักการอ่าน" มีความเกี่ยวกับบันทึกการอ่านอย่างไร
การอ่านเป็นทักษะทางภาษาที่มีความสำคัญต่อการเรียนรู้ ด้วยเหตุนี้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 24 จึงไม่เพียงระบุให้สถานศึกษาต้องจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนเท่านั้น หากยังต้องให้ผู้เรียนรักการอ่าน เพื่อให้ เกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
หัวข้อเนื้อใน สมุดบันทึกการอ่าน
1.ชื่อเรื่อง
2.ชื่อหนังสือ
3.ชื่อผู้แต่ง
4.สำนักพิมพ์
5.ปีที่พิมพ์
6.สาระสำคัญ
7.ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน/นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิต
เราจะมาแนะนำ "วิธีการเขียนบันทึกการอ่าน" กันนะคะ
1.ระบุวัน เดือน ปีที่บันทึก
2.บอกที่มาหนังสือเรื่อง หน้า และรายละเอียดอื่นๆ
3.บันทึกเป็นข้อความ หรือแผนภาพ
4.ใช้สำนวนภาษาของผู้บันทึกเอง
5.สามารถเพิ่มเติมความคิดเห็นลงในบันทึก
เขียนใจความสำคัญของบันทึกการอ่าน
1.เขียนบทนำด้วยการบอกเล่าข้อมูลเพื่อแนะนำหนังสือ.
ในย่อหน้าแรก คุณควรบอกเล่าชื่อของผู้แต่งหนังสือและชื่อหนังสือ โดยควรเปิดย่อหน้าบทนำด้วยการเขียนประโยคที่จะดึงความสนใจของผู้อ่าน เช่น ยกข้อความที่น่าสนใจจากหนังสือมา เมื่อจะปิดย่อหน้า การเขียนประโยคหนึ่งประโยคที่สรุปเรื่องราวของหนังสือทั้งหมดออกมาได้อย่างกว้างๆ ก็นับเป็นวิธีการที่ดี
2.เขียนอธิบายฉากของหนังสือ
เขียนอธิบายฉากเป็นวิธีการที่ดีในการเขียนใจความสำคัญของบันทึกการอ่านเพราะฉากจะช่วยให้คุณเขียนถึงอภิปรายถึงเรื่องต่างๆ ในบันทึกได้ พยายามเขียนอธิบายสถานที่ที่หนังสืออ้างถึงเพื่อที่อาจารย์ของคุณจะได้เข้าใจชัดเจนว่าคุณกำลังอ้างอิงถึงสถานที่ใด หากเรื่องราวเกิดขึ้นในฟาร์มก็เขียนและอธิบายตามนั้นเลย หรือหากสถานที่เป็นสถานที่ในจินตนาการหรือโลกอนาคตก็ต้องเขียนให้ชัดเจนเช่นกัน
3.เขียนสรุปเรื่องราวคร่าวๆ
นี่คือจุดที่คุณจะอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นในหนังสือที่อ่านกันแน่ สรุปเรื่องราวของคุณควรจะเอ่ยถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในหนังสือและผลกระทบที่เหตุการณ์มีต่อตัวละคร โดยเนื้อหาส่วนนี้ควรจะใกล้เคียงกับเนื้อหาแบบละเอียดในหนังสือให้มากที่สุด
4.แนะนำตัวละครหลัก.
เมื่อคุณเขียนแนะนำตัวละครแต่ละตัวในบันทึกการอ่าน อย่าลืมเขียนแนะนำว่าพวกเขาเป็นใครและทำไมถึงสำคัญกับหนังสือเล่มนี้ คุณอาจจะยกทั้งย่อหน้าเพื่ออธิบายตัวละครหลักโดยให้ความสำคัญกับทุกอย่างตั้งแต่ว่าพวกเขาหน้าตาเป็นอย่างไร รวมไปถึงการกระทำซึ่งส่งผลสำคัญต่อเรื่องของตัวละครเหล่านั้นด้วยก็ได้
5.วิเคราะห์หาแนวคิดหลักหรือประเด็นสำคัญในย่อหน้าสรุปใจความสำคัญของหนังสือ.
มองหา “แนวคิดสำคัญ” ในขณะที่อ่านหนังสือไปด้วย เมื่ออ่านงานเขียนประเภทเรื่องแต่ง ให้ความสำคัญกับการกระทำของตัวละครและดูว่าการกระทำเกิดขึ้นตามแบบแผนใดหรือไม่ ในการอ่านงานเขียนที่ไม่ใช่เรื่องแต่ง มองหาประเด็นสำคัญและประเด็นถกเถียงหลักที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ ลองคิดดูว่าผู้เขียนต้องการจะพิสูจน์หรือนำเสนอสิ่งใดกัน?
6.ให้ความเห็นถึงวิธีการเขียนและโทนเสียงที่ใช้.
ลองอ่านทวนอีกครั้งและให้ความสำคัญกับองค์ประกอบการเขียน เช่น การเลือกใช้คำ ถามตัวเองว่าหนังสือเขียนโดยใช้โทนเสียงแบบเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ สังเกตดูว่าผู้เขียนดูจะสนับสนุนแนวคิดหรือข้อถกเถียงใดเป็นพิเศษหรือไม่ ลองคิดว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรเมื่ออ่านส่วนต่างๆ ของหนังสือเพื่อที่จะได้อธิบายถึงโทนเสียงที่หนังสือใช้ได้
วิธีการเขียนบันทึกการอ่าน
เขียนบันทึกการอ่านอาจฟังดูไม่ค่อยน่าสนุกในตอนแรก แต่การเขียนบันทึกการอ่านนั้นจะช่วยเปิดโอกาสให้คุณได้เข้าใจงานเขียนและนักเขียนอย่างถ่องแท้ การเขียนบันทึกการอ่านไม่เหมือนกับการเขียนแนะนำหนังสือตรงที่คุณต้องเขียนสรุปเนื้อหาของหนังสืออย่างตรงไปตรงมา สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือยกหนังสือขึ้นมาและเริ่มต้นอ่านซะ จากนั้นก็เขียนสรุปบันทึกลงรายละเอียดและเขียนความเห็นของคุณขณะที่ค่อยๆ อ่านไป สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณเขียนโครงร่างได้น่าเชื่อถือและเขียนบันทึกการอ่านได้ราบรื่นมา กขึ้น
1.ทำตามคำสั่งของงานที่ได้รับมอบหมาย.
เอกสารสรุปสิ่งที่ต้องทำอย่างละเอียดและหากมีคำถามอะไรก็จดไว้แล้วยกมือถามอาจารย์ในห้องเรียนหรือหลังเลิกเรียนเพื่อจะได้หายข้องใจ คุณจะต้องรู้ว่าบันทึกต้องมีความยาวเท่ าไหร่ ส่งวันไหน และมีข้อบังคับในการเขียนอย่างไร เช่น ต้องเว้นบรรทัดสองบรรทัดหรือไม่ เป็นต้น
2.อ่านหนังสือทั้งเล่มจนจบ.
นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดเลยล่ะ ก่อนที่จะคิดว่าจะเขียนบันทึกอย่างไร คุณต้องนั่งลงและอ่านหนังสือเสียก่อน หาที่สงบๆ ที่คุณจะมีสมาธิสำหรับการอ่านและไม่ว่อกแว่กต่อสิ่งอื่น คุณจะได้คิดถึงแต่งานที่จะเขียนขณะอ่านหนังสือไปด้วย ขณะอ่านก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับปมเรื่องหรือตัวละครที่มีบทบาทสำคัญด้วยล่ะ